วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เที่ยวมลฆลยูนนาน กับ SunitJo Travel คุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง แชงกรีล่า ประเทศจีน China



ทริปนี้ ผมเดินมาง จากภูเก็ต ไปดอนเมือง แล้วค่อเครื่องไป คุนหมิง หลี่เจียง ต้าหลี แชงกรีล่า ตามลำคับ  นะครับ ชมภาพ ครับ

มณฑลยูนนาน หรือ หยุนหนาน (จีนตัวย่อ云南省จีนตัวเต็ม雲南省พินอินYúnnán) มีชื่อย่อว่า หยุน)หรือ เตียน)มีชื่อในภาษาไทยถิ่นเหนือว่า วิเทหราช ตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีเมืองหลวงชื่อ คุนหมิง มีเนื้อที่ 394,100 ก.ม. มีประชากร ประมาณ 45,966,000 คน (2010) จีดีพี 10309.47 พันล้านหยวน (2012) ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น นอกจากนั้นยังมีกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆอีก 25 กลุ่มชาติพันธุ์



คุนหมิง (จีน昆明พินอินKūnmíng) เป็นเมืองเอกในมณฑลยูนนานในสาธารณรัฐประชาชนจีน มีจำนวนประชากรประมาณ 3,740,000 คน โดยมีประมาณ 1,055,000 คนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ตัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบเตียนฉือด้านทิศเหนือ เนื่องจากมีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี จึงถูกขนานนามว่า "นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ"






















































































จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ซานจือโต่ว

ทิวทัศน์เหนือช่องเขาเสือกระโจน
ชื่อ
ชื่อไทยซานจือโต่ว
ชื่ออังกฤษShanzidou
ระบบ
ทิวเขาภูเขาหิมะมังกรหยก
ข้อมูลทั่วไป
สูงจากระดับน้ำทะเล5,596 เมตร (18,359 ฟุต)
ที่ตั้งมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
ภูเขาหิมะมังกรหยก (玉龙雪山 - พินอิน: Yùlóngxuě Shān - Jade Dragon Snow Mountain) เป็นเทือกเขาขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กับเมืองลี่เจียง ในมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ยอดเขาที่สูงที่สุดมีชื่อว่า ซานจือโต่ว (Shanzidou) ทิวทัศน์ของเทือกเขาที่มองจากสวนที่สระมังกรดำในเมืองลี่เจียงนั้น กล่าวกันว่าเป็นหนึ่งในทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของจีน



















































แชงกรี-ลา (อังกฤษShangri-La) เป็นดินแดนสมมุติที่ปรากฏในนวนิยายเรื่อง Lost Horizon [remark 1] ของเจมส์ ฮิลตัน นักเขียนชาวอังกฤษ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1933 ฮิลตันพรรณนาว่าแชงกรี-ลาเป็นดินแดนลึกลับอยู่ในเทือกเขาสูงชันทอดยาว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาคุนลุน ในนวนิยายกล่าวว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนมีชีวิตยืนยาว มีความสุข อาจกล่าวได้ว่าสถานที่นี้เปรียบเหมือนสวรรค์บนดิน
ชื่อ แชงกรี-ลา มาจากภาษาทิเบต ཞང་(Shang) + རི (ri) +  (La) มีความหมายว่า "Shang Mountain Pass" (ช่องเขาฉาง) มาจากชื่อจังหวัด Ü-Tsang ทางเหนือของวัดจ๋าสือหลุนปู้ (Tashilhunpo Monastery) ในทิเบต[1]"
นักวิชาการจำนวนหนึ่งเชื่อว่า แชงกรี-ลา คือ ศัมภาล นครในตำนานพุทธศาสนาแบบทิเบต 

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี






































ภูเขาหิมะ แชงกรีล่า





























































































































































































































































































































































































































































































































































































































ต้าหลี่ (จีน大理市พินอินDàlǐ shì) หรือภาษาไทใหญ่ว่า แสหลวง หรือ มิถิลา[1] เป็นเมืองเอกของ เขตปกครองตนเองชนชาติไป๋ ต้าหลี่ มณฑลยูนนานทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงระหว่างเทือกเขาชางซานทางด้านตะวันตก และทะเลสาบเอ๋อไห่ทางด้านตะวันออก เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวไบ๋และชาวอี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ

ประวัติศาสตร์[แก้]

ต้าหลี่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรน่านเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรของชาวไป๋ในราวศตวรรษที่ 8-9 ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต้าหลี่ในปี พ.ศ. 1480 - 1796 และยังเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวของกลุ่มกบฏชาวจีนมุสลิม (จีนฮ่อ)ระหว่างปี พ.ศ. 2399 - 2406
ต้าหลี่ยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งผลิตหินอ่อนหลากหลายชนิด ซึ่งนำไปใช้ในการก่อสร้างและประดับตกแต่งอาคาร
ปัจจุบันนี้ ต้าหลี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ
ต้าลี่ (ต้าหลี : 大理 ในภาษาจีนกลาง) เป็นเมืองเก่าแก่ ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มระหว่างทะเลสาบเอ๋อไห่ และเทือกเขาชังช้าน (苍山) ซึ่งมีภูเขามังกรหยกอยู่ทางด้านตะวันตกของเมือง ต้าลี่ถือเป็นรัฐที่มีเอกราชมานานตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 คือ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราชวงศ์ถังและซ่ง ผู้นำมีฐานะเป็นจักรพรรดิแห่งยูนนาน จนกระทั่งมาแตกพ่ายให้กับชาวมองโกล จากนั้นจึงขึ้นอยู่กับศูนย์กลางอำนาจของจีนเป็นต้นมา ตั้งแต่ราชวงศ์หยวน หมิงและชิง คำว่าน่านเจ้า (ภาษาจีนกลางออกเสียงว่า หนานเจ้า : 南诏) หมายถึง ตระกูลทางใต้หรือพวกทางใต้ ซึ่งคืออณาจักรน่านเจ้าทีเราเคยได้ยินกันและมีศูนย์กลางอยู่ที่ต้าลี่ชาวพื้นเมืองต้าลี่ส่วนใหญ่คือชาวไป๋ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม ในช่วงปีคศ. 1856–1873 สมัยราชวงศ์ชิง เกิดกบฏในมณฑลยูนนานเรียกว่า กบฏตู้เหวินชิ่ว (杜文秀起義) เกิดจากความขัดแย้งเชิงเชื้อชาติ ระหว่างราชสำนักชิงซึ่งเป็นชาวแมนจูกับชาวพื้นเมืองในมณฑลยูนนาน ตู้เหวินชิ่วซึ่งเป็นผู้นำ ได้ประกาศเอกราชให้กับมณฑลยูนนานและเรียกว่าประเทศผิงหนาน โดยมีเมืองต้าลี่เป็นเมืองหลวง ปกครองแบบรัฐอิสลาม แต่หลังจากเวลาผ่านไปได้ 17 ปี ท้ายที่สุด ต้าลี่และมณฑลยูนนานก็ขึ้นอยู่กับราชวงศ์ชิงอีกครั้ง ผู้นำผิงหนานถูกตัดศีรษะแช่น้ำผึ้งส่งไปปักกิ่ง ชาวไป๋พาผมไปดูรอยสลักบนกำแพงเมือง ซึ่งชาวเมืองแอบเขียนด่าราชสำนักชิงไว้เมื่อร้อยกว่าปีก่อน และยังคงถูกรักษาไว้จนถึงปัจจุบัน
ต้าหลี่ เป็นเมืองโบราณทางตะวันตกของคุนหมิง ห่างมา 400 กิโลเมตร มีกำแพงล้อมรอบ และเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดของจีน ด้านหนึ่งติดเทือกเขาชางซานที่สูง 4,000 เมตร อีกด้านติดบึงเอ๋อไห่ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของจีน ถือเป็นชัยภูมิที่หาเมืองอื่นใดมาเทียบได้ยาก และด้วยความสูง 1,900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศที่นี่จึงเย็นสบายตลอดทั้งปี
เมืองเก่าต้าหลี่ที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันเป็นมรดกที่ตกทอดมาจากอาณาจักรน่านเจ้า ซึ่งรุ่งเรืองอยู่ในสมัยเดียวกับราชวงศ์เหนือ-ใต้ ในช่วงศตวรรษที่ 5 และ 6 ในช่วงดังกล่าว ศูนย์กลางของหยุนหนานได้ย้ายจากคุนหมิงมาอยู่ยังอาณาจักรทั้งหกของชนเผ่าไป๋ทางตะวันตก ครั้นถึงยุคราชวงศ์ถัง หัวหน้าเผ่านามผีลั่วเก๋อ (พีล่อโก๊ะ ค.ศ.697-748) ได้รวบรวมอาณาจักรทั้งหกเข้าไว้ด้วยกัน และสถาปนาขึ้นเป็นอาณาจักรน่านเจ้า (แปลว่า “อาณาจักรใต้” ค.ศ.738-902) มีเมืองต้าหลี่เป็นราชธานี
อาณาจักรน่านเจ้าได้ต่อต้านอำนาจของราชวงศ์ถังเสมอมา ในยุคเรืองอำนาจสูงสุดน่านเจ้ามีเขตแดนทางตอนบนยื่นลึกเข้าไปในซื่อชวน ตอนใต้เลยเข้าไปในพม่า ทางตะวันออกเฉียงเหนือกินแดนเข้าไปในเขตตอนบนของเวียดนาม ช่วงปลายศตวรรษที่ 9 อาณาจักรน่านเจ้าอ่อนแอลงเพราะความขัดแย้งภายใน นำไปสู่การก่อกบฏใน ค.ศ.939 อาณาจักรจึงหดเล็กลงเป็นแค่อาณาจักรต้าหลี่ ซึ่งปัจจุบันคือเขตปกครองตนเองของชนเผ่าไป๋
เมืองโบราณต้าหลี่สร้างขึ้นเมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน ถึงแม้ได้ผ่านกาลเวลามาช้านาน แต่เมืองโบราณแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะเห็นประตูเมืองทั้งด้านใต้และด้านเหนือที่มีสถาปัตยกรรมสอดรับกัน ตามสองฟากของถนนสายเก่าแก่มีบ้านโบราณปลูกสร้างไว้อย่างกระจัดกระจาย มีถนนสายเก่าแก่ที่ตัดผ่านตัวเมืองโบราณสายหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นถนนย่านการค้าที่เจริญคึกคัก ตามสองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มีพ่อค้าชาวไป๋ที่แต่งชุดประจำเผ่ากำลังค้าขายสินค้าพื้นเมืองต่างๆ เช่น หินอ่อนต้าหลี่ ผ้าพื้นเมืองและเครื่องเงิน เป็นต้น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี










































































































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น